อาณาจักร ‘จ๊ะจ๋า พริมรตา’ สามีรุ่นใหญ่เซ็นพินัยกรรมยกทุกอย่างให้



อาณาจักร ‘จ๊ะจ๋า พริมรตา’ สามีรุ่นใหญ่เซ็นพินัยกรรมยกทุกอย่างให้

ครบรอบแต่งงาน 2 ปี มีแต่ความหวานที่ทำเอาแฟนๆ อิจฉา สำหรับคู่ของ “จิ๊บ วสุ แสงสิงแก้ว” และภรรยา “จ๊ะจ๋า พริมรตา เดชอุดม”
โดยล่าสุดฝ่ายชายได้บริจาคร่างกายเป็นอาจารย์ใหญ่ รวมทั้งเซ็นยกมรดกให้ภรรยาหมดแล้วจิ๊บ : “ผมคิดว่าความผูกพัน ความไว้เนื้อเชื่อใจ
ความไว้วางใจ ความเชื่อในกันและกันมันแน่นแฟ้นมากขึ้นในทุกๆ วัน ถามว่ายังต้องมีการปรับตัวกันไหม ก็มีทุกวันเหมือนกัน ใครยอมมากกว่ากัน
ก็ผลัดกันมากกว่า” จ๊ะจ๋า : “บางครั้งจ๋าก็ยอมค่ะ การยอมไม่ได้แปลว่าเราแพ้นะ มันเหมือนกับเราไม่เห็นความจำเป็นของการเสียงดังใส่กัน
ถ้าเมื่อไหร่ที่รู้สึกถึงความขัดแย้ง ต้องห่างกันแป๊บหนึ่งก่อน พอใจเย็นแล้วค่อยมาคุยกันด้วยเหตุผล” สามีไม่ได้หวานเสมอต้นเสมอปลาย
แต่มากขึ้นตลอด ให้ฉายา จิ๊บ 5 นาทีจ๊ะจ๋า : “ไม่เสมอต้นเสมอปลายเลย มากขึ้นตลอด (หัวเราะ) เมื่อก่อนไม่เยอะขนาดนี้เลย จ๋าสัมผัสถึง
ความละเอียดอ่อนในทุกๆ วัน รู้สึกว่าโอ้โห ทำไมพี่จิ๊บถึงสดใสได้ขนาดนี้นะ เมื่อก่อนไม่ได้มากขนาดนี้ คงเพราะเขาเป็นตัวเองมากขึ้น สบายใจ
ากขึ้น ทุกๆ 5 นาทีเนี่ย จ๋าให้ฉายาเขาแล้วนะ จิ๊บ 5 นาที เพราะเขาจะแสดงออกตลอด สมมติจ๋าเดินห่างออกไป เขาก็เรียกหาแล้ว”
จิ๊บ : “มันมีเหตุผลอยู่ คือเราผ่านชีวิตมาไม่น้อย ทุกวันนี้อยู่อย่างมีมรณานุสติ คือรู้ว่าชีวิตไม่แน่นอน ผมเลยจะพูดเสมอ แต่เขาจะบอกว่าบอกอีกแล้วๆ
ผมก็จะบอกเขา ว่าผมบอกคุณนาทีนี้ เกิดอีก 5 นาทีผมไม่หายใจแล้วล่ะ เลยอยากทำอะไรให้ได้มากที่สุด นั่นเลยเป็นเหตุผลที่เราอยากไปบริจาคร่างกาย
เพราะว่าอยากทำอะไรเราทำเลย เราไม่รอแล้ว ถึงแม้เราจะแข็งแรง แต่ชีวิตมันไม่แน่ไม่นอน”

จ๊ะจ๋า : “คือพี่จิ๊บมาบอก ว่าพี่อยากบริจาคร่างกายนะ ช่วยไปเป็นเพื่อนหน่อย เราก็แบบยินดีเลย ไม่ได้เป็นการตกลงอะไร เพราะเรื่องนี้เราแชร์กันมาตั้งแต่ต้น
เพราะตัวจ๋าเองบริจาคอวัยวะไปหมดแล้ว ครอบครัวจ๋าก็บริจาคแล้วเหมือนกัน แล้วครอบครัวพี่จิ๊บก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน บอกเขาบอกว่าวันเกิดพี่อยากบริจาคร่างกาย
เราก็อนุโมทนา ดีใจด้วยเลย” มอบทุกอย่างให้ภรรยา จ๊ะจ๋าลั่นถ้าไม่อยู่ให้มาชวนไปด้วยจิ๊บ : “มาถึงจุดนี้แล้ว ไอ้คำว่าสมบัติมันเป็นเรื่องนอกกายหมดแล้ว
แต่สิ่งที่มีคุณค่ามากว่าคือสมบัติภายในใจ จิตใจของเขา เขาเป็นคนที่เรารู้สึกเชื่อมั่นและไว้วางใจ ที่จะให้ดูแลอะไรต่างๆ ได้ ถ้าเกิดว่าเราไม่อยู่ ไม่ใช่แค่ตาย
จากไปนะ เอาแค่ว่าสมมติเราเดินทางไปไหน เราไม่อยู่ ก็ไว้ใจเขาได้ ตอนเราไปบริจาคร่างกาย เขาจะมีใบให้เซ็น ว่าถ้าเกิดอะไรกับเจ้าของร่างกายนี้ จะให้
ใครเป็นผู้ดูแล มันก็เป็นเหมือนพินัยกรรมกลายๆ ก็เซ็นเป็นชื่อเขาไปแล้วเรียบร้อย ด้วยความสบายใจ”