จากกรณี น.ส.พัชรินทร์ เอสะตี หรือ ครูอุ้ม ครูประจำโรงเรียนบ้านมะขามทานตะวัน ต.ตาเสา อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ โพสต์คลิปของน้องเตย
นักเรียนวัย 4 ขวบ กำลังนั่งล้างจาน พร้อมบรรยายชีวิตของน้อง ที่ต้องดูแลย่าของตัวเองวัย 68 ปีที่ตาบอดทั้งสองข้างตามลำพัง
สำหรับน้องเตยนั้น มีหลายหน่วยงานทั้งนายอำเภอห้วยราช , พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พมจ.) สาธารณสุขอำเภอห้วยราช , ตำรวจ สภ.ห้วยราช , นายก อบต.ตาเสา ,
พัฒนาชุมชน บุรีรัมย์ , รวมถึงภาคี 7 ภาค เข้าไปเยี่ยม นำสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นไปมอบให้เป็นจำนวนมาก ขณะที่ทางกระทรวงสาธารณสุขได้พา นางเสา ย่าของน้องเตย ไปตรวจดวงตาที่โรงพยาบาลห้วยราช
เนื่องจากตาข้างขวาของนางเสา ยังพอเป็นแสงเหมือนม่านน้ำ ส่วนตาข้างขวาบอดสนิท หากพบว่ายังพอมีหวังที่จะรักษาหายจะส่งไปรักษาต่อทันที เพราะที่ผ่านมานางเสา ไม่เคยไปหาหมอตั้งแต่ถูกลูกมะพร้าวร่วงใส่หัว เมื่อปี 64
นอกจากนี้ ยังมีผู้ใจบุญบริจาคเงินเข้าบัญชีแล้วประมาณ 1 ล้านบาท นางเสา ถึงกับตกใจว่าในชีวิตไม่เคยมีเงินแสนมาก่อน จึงบอกกับเจ้าหน้าที่ไปว่า “พอแล้ว” เห็นใจคนบริจาค
สำหรับแนวทางการช่วยเหลือสองย่าหลาน เบื้องต้น อบจ.จังหวัดบุรีรัมย์ จะตั้งงบปรับปรุงบ้านให้จำนวนเงิน 80,000 บาท งบของ พมจ.อีกประมาณ 100,000 บาท เพื่อนำมาซ่อมแซมบ้านให้พออยู่ได้อย่างปลอดภัย
ล่าสุด นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ได้ประกาศกลางรายการว่า จะขออุปการะน้องเตยและจะส่งเสียให้เรียนหนังสือจนจบปริญญาเอก
และต่อมา รายการเรื่องเล่าเช้านี้ได้ทวีตเรื่องดังกล่าว ระบุว่า “#เรื่องเล่าเช้านี้ ฟังแล้วหัวใจฟู! สรยุทธ เผยกลางรายการขออุปการะ น้องเตย เด็กอนุบาล 2 วัย 4 ขวบ ยอดกตัญญู
เสนอส่งเสียให้เรียนจนจบถึงระดับการศึกษาปริญญาเอก ส่วนธารน้ำใจแห่บริจาคร่วม 1 ล้านบาท หวังช่วยน้องเตย เลี้ยงย่าตาบอด หมอชี้ยังมีโอกาสเห็นได้ 1 ข้าง”
ซึ่งหลังจากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปนั้น ก็เรียกว่าทำเอาหลายคนที่ได้ทราบข่าวรู้สึกอบอุ่นหัวใจ และขอบคุณ คุณสรยุทธ แทน น้องเตย อีกด้วย ที่เห็นความสำคัญและยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือน้อง