เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 66 ที่ผ่านมา นางพิชญา ธารากรสันติ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงความคืบหน้าการจับกุมเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ตระกูล AK47BET รวม 4 เว็บไซต์ใหญ่ เงินหมุนเวียนหลาย 1,000 ล้านบาทต่อปี และนำเงินไปฟอกเงินผ่านธุรกิจร้านขายอาหารทะเลประเภทหอย <<หอยจ๋าหอยจี๋ ไม่ใช่ร้านสถานีหอย>> ย่านเกษตร-นวมินทร์ ที่มีแฟรนไชส์หลายสาขา โดนล่าสุดดีเอสไอออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสิ้น 19 คน ในจำนวนนี้นายกันต์ชนก (ขอสงวนนามสกุล) หรือ เปา และนางสาวทิพวรรณ (ขอสงวนนามสกุล) ภรรยา เจ้าของเว็บพนันออนไลน์และเจ้าของร้านหอย เป็นผู้ต้องหารายสำคัญ
โฆษกดีเอสไอ เปิดเผยว่า นายกันต์ชนก และภรรยา ทำเว็บพนันมาตั้งแต่ปี 2559 และได้เปลี่ยนชื่อเว็บพนันเป็นตระกูล AKBET เมื่อปี 2563 มีการนำเงินและทรัพย์สินที่ได้จากการทำเว็บพนันออนไลน์มาฟอกผ่านธุรกิจร้านอาหารของตัวเอง และทั้งคู่ยังเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาเครือข่ายบัญชีม้า ชบา ที่อัยการเคยสั่งยกฟ้องคดียาเสพติดและให้ดีเอสไอสอบสวนใหม่ เพื่อขยายผลเพิ่มในส่วนเว็บพนันออนไลน์ ซึ่งนายกันต์ชนกยังเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนกรรมการสโมสรฟุตบอลลำพูนเวอริเออร์ ของนายพงษ์ศิริ หรือ บอสตาล ผู้ต้องหาที่ถูกตำรวจ PCT จับกุมคดีเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ไปก่อนหน้านี้ด้วย โดยนายกันต์ชนก และภรรยาได้มอบหมายให้ทนายความชื่อดัง นายนิติธร แก้วโต หรือ ทนายเจมส์ ประสานติดต่อขอเข้ามอบตัวกับดีเอสไอวันนี้ ในเวลา 10.00 น. เนื่องจากเจ้าตัวรู้ว่าลูกน้องระดับตัวการหลัก เช่น หัวหน้าพนักงาน แอดมินเว็บพนัน พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เป็นต้น ได้ถูกเจ้าหน้าที่ดีเอสไอตรวจยึด จับกุมตัวและนำตัวมาดำเนินคดีเรียบร้อยแล้ว จึงเป็นกังวลในส่วนของการขอประกันตัวในชั้นสอบสวน แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่เข้ามาพบ ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งติดตามจับกุม
ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือ ขณะนี้จับกุมได้ 2 คน ที่ ตม. จังหวัดสระแก้ว คือนางสาวปพัชญา (ขอสงวนนามสกุล) หัวหน้าพนักงานร้านหอย และหัวหน้าแอดมินเว็บพนัน กับพวก ซึ่งทำหน้าที่รับคำสั่งโดยตรงจากนายกันต์ชนก และภรรยา เพื่อดูแลการเงินและดำเนินการทั้งหมดเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ ซึ่งหลังสอบปากคำเสร็จก็จะคุมตัวไปฝากขังต่อศาลอาญา
ทั้งนี้ ดีเอสไอได้อายัดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาไว้บางส่วนแล้ว เช่น อสังหาริมทรัพย์ ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ รวมถึงร้านอาหารของผู้ต้องหา รวมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท โดยนายกันต์ชนกและภรรยา เป็นเจ้าของร้านอาหารหลายแห่งทั้งในไทย และมีธุรกิจร้านอาหารและโรงแรมอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน มูลค่าหลาย 10 ล้านบาท อีกทั้งต่างครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ต่างจังหวัดของไทยอีกหลาย 10 ล้านบาทด้วย